บทบาททหารกับความมั่นคงของมนุษย์
แนวคิดเรื่อง
“ความมั่นคง” เป็นสิ่งที่มีการตีความอย่างแคบๆ มาเป็นเวลานานมาก
จากการมองว่าเป็นความมั่นคงปลอดภัยของเขตแดนจากการรุกรานจากภายนอก
หรือเป็นการปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติในนโยบายระหว่างประเทศ
หรือเป็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของโลกจากการคุกคามของอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอำนาจทำลายล้าง
โดยจะเห็นได้ว่าความมั่นคงปลอดภัยในที่นี้ เป็นเรื่องของ “รัฐชาติ” มากกว่าที่จะเกี่ยวข้องกับ
“ประชาชน” โดยมีอดีตที่เกิดจากประเทศมหาอำนาจติดพันกับการต่อสู้กันทางอุดมการณ์ทางการเมืองและทำสงครามเย็นไปทั่วโลก
ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนาก็อ่อนไหวต่อการคุกคามทั้งที่เกิดขึ้นจริงและที่คาดการณ์ได้ต่อเอกลักษณ์ของชาติอันเปราะบาง
สิ่งที่ถูกลืมไป คือ ความห่วงใยที่ชอบธรรมต่อประชาชนธรรมดาๆ
ที่พยายามหาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตประจำวันของตน สำหรับประชาชนแล้ว ความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยของตนเองนั้น
มักจะเกิดจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวัน มากกว่าความน่าสะพรึงกลัวของเหตุการณ์หายนะครั้งใหญ่ในโลก
เช่น วันนี้ครอบครัวของเราจะมีอาหารรับประทานพอไหม จะตกงานหรือเปล่า จะปลอดภัยจากอาชญากรรมหรือไม่
จะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงหรือไม่ ดังนั้น ความมั่นคงของมนุษย์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการสู้รบ
แต่เป็นเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่และศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์
ดังนั้น องค์การสหประชาชาติ (The United Nations) จึงได้นำแนวคิดความมั่นคงของมนุษย์
(Human Security) มาเป็นวาระของโลก ซึ่งถูกกล่าวถึงในรายงาน "การพัฒนามนุษย์
ค.ศ. 1994" ของสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United
Nations Development Program :UNDP)
โดยมีเป้าหมายที่สำคัญเกี่ยวกับมนุษย์ 2 ประการ
คือ 1) มนุษย์ทุกคนจะต้องปลอดจากความกลัว (Freedom
From Fear) 2) ปลอดจากความขาดแคลนหรือความต้องการ (Freedom From
Want) ซึ่งนับเป็นการปรับเปลี่ยนแนวคิดความมั่นคงของชาติ
อันประกอบด้วยรัฐและดินแดนมาเป็นความมั่นคงของประชาชนในฐานะองค์กรประกอบพื้นฐานของชาติ
โดยถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง
(People
Centered)
โดย
สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United
Nations Development Program :UNDP) ได้กำหนดความมั่นคงของมนุษย์ไว้
7 ประการ ได้แก่ 1) ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ (ประชาชนมีรายได้พอเพียงแก่การยังชีพ) (2) ความมั่นคงด้านอาหาร (ประชาชนสามารถหาอาหารมาเลี้ยงชีพได้อย่างเพียงพอ
จากรายได้ที่เกิดขึ้น หรือจากทรัพย์สินที่มีอยู่) (3) สุขภาพการรักษาความปลอดภัย (ประชาชนมีสุขภาพดี ปลอดจากโรคติดต่อต่างๆ และความเจ็บไข้ได้ป่วยอื่นๆ)
(4)
การรักษาความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม (ความสมบูรณ์ของทรัพยากรบนแผ่นดิน ในอากาศและในแหล่งน้ำ ซึ่งทำให้มนุษย์สามารถสร้างถิ่นฐานอยู่ได้อย่างยั่งยืน)
(5)
ความปลอดภัยส่วนบุคคล (ความปลอดภัยจากสิ่งต่างๆ เช่น ภัยจากสงคราม ยาเสพติด)
(6) การรักษาความปลอดภัยชุมชน
(ความอยู่รอดของวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมและกลุ่มชาติพันธุ์) และ (7) ความมั่นคงทางการเมือง (สิทธิทางการเมืองและเสรีภาพทีปราศจากการกดขี่ทางการเมือง)
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศในอาเซียน ก็ได้นำแนวคิดดังกล่าวมาจัดทำเป็นข้อตกลงร่วมกันตามสนธิสัญญาในกฎบัตรอาเซียน
(ASEAN Charter) ในการจัดตั้งเป็นประชาคมอาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations : ASEAN) โดยมีความมุ่งหมายสำคัญที่เรียกว่า 3 เสาหลัก คือ เสาประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
เสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเสาประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง
ครั้นมองย้อนไปถึงปัญหาความมั่นคงของมนุษย์แล้ว 'อมาตยา เซน'
นักเศรษฐศาสตร์ เจ้าของรางวัลโนเบล ได้ให้ข้อคิดไว้อย่างน่าสนใจว่า “ปัญหาความมั่นคงของมนุษย์เป็นปัญหาเก่าแก่ หากย้อนกลับไปสมัยพุทธกาลเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว พระพุทธเจ้าต้องการสร้างความมั่นคงให้แก่มวลมนุษยชาติ
ซึ่งความมั่นคงดังกล่าว คือ ความมั่นคงทางจิตใจ พระองค์เห็นความทุกข์จากการเกิด
แก่ เจ็บตายจึงพยายามหาเหตุแห่งทุกข์ดังกล่าว จึงพยายามค้นหาทางดับทุกข์ดังกล่าว
การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า การเผยแพร่ธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นเป็นการสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้กับมนุษย์
ซึ่งเป็นรากฐานของความมั่นคงในระดับจิตใจ
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้เข้าใจรากเหง้าของสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
และคำสอนดังกล่าวยังสามารถปรับใช้กับสภาวการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี”
ซึ่งในประเทศไทย
บุคคลที่ต่อสู้และกระทำสงครามกับความไม่มั่นคงของมนุษย์ ก็เห็นจะมีแต่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงตั้งพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ ที่จะสร้างให้เกิดความมั่นคงในชีวิตของพสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งประเทศ
โดยได้พระราชทานแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งทรงมีพระราชจริยาวัตรที่เป็นแบบอย่างในความพอเพียงให้เห็นเป็นต้นแบบ
จนทำให้ผู้นำหลายต่อหลายประเทศน้อมนำไปเป็นแบบอย่าง อาทิ ประเทศภูฐาน เป็นต้น
จากการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของพระองค์
กองทัพบก โดยผู้บัญชาการทหารบก ในหลายยุคหลายสมัย ก็ได้น้อมนำพระราชปณิธานดังกล่าว
มาสานต่อจนเกิดเป็นโครงการที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทยอยู่ดีกินดี
มีความมั่นคงในชีวิต รวมทั้งได้นำปรัชญาที่ได้ทรงพระราชทานให้คนไทยทุกหมู่เหล่า
ไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ประเทศติมอร์ตะวันออก ประเทศซูดาน
และอีกหลายๆ ประเทศที่กองทัพบกมีภารกิจเข้าไปช่วยเหลือในภารกิจการรักษาสันติภาพ
จนประเทศดังกล่าวมีความเจริญก้าวหน้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ซึ่งเมื่อกล่าวถึงภารกิจของกองทัพบก
ที่กำหนดพันธกิจหลัก 2
ประการ คือ การเตรียมกำลัง และการใช้กำลัง เพื่อป้องกันราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอกประเทศ
การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ การคุ้มครองรักษาผลประโยชน์ของชาติ
การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การช่วยพัฒนาประเทศ
ตลอดจนการสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติในรูปแบบต่างๆ
แล้ว จะเห็นได้ว่า กองทัพบก เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจ
เพื่อสร้างให้เกิดความมั่นคงของมนุษย์ ไม่เพียงแค่ประชาชนชาวไทยเท่านั้น
ยังได้เผื่อแผ่ไปยังมิตรประเทศอีกด้วย
ทั้งการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร
เพื่อสร้างให้เกิดความเสมอภาคทางเศรษฐกิจครัวเรือน และเป็นภูมิคุ้มกันด้านอาหาร
รวมทั้งเป็นแหล่งยารักษาโรคเพื่อการป้องกันสุขภาวะโดยรวมของประชาชนด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น
โดยส่งเสริมให้ประชาชนในภูมิภาคต่างๆ รู้คุณค่าของธรรมชาติ และสามารถดำรงชีวิตอยู่กับธรรมชาติได้อย่างสมดุล
ตลอดจนยังได้ส่งเสริมความปลอดภัยของประชาชนจากโรคภัยไข้เจ็บ และพิษภัยของยาเสพติด
ทั้งการป้องกัน ปราบปราม รวมทั้งการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยในถิ่นฐานบ้านเกิดและชุมชนที่อยู่อาศัย
ให้ปราศจากภัยคุกคามต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
ด้วยการเข้าร่วมเป็นกำลังประชาชนหรือมวลชนกับ กองทัพบก
เพื่อความมั่นคงในชีวิตของประชาชนทุกๆ คน
ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าแสดงออกในด้านสิทธิทางการเมือง
อย่างมีศักดิ์ศรีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย
ภายใต้พระบรมโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นั้นคือสิ่งที่
กองทัพบก ได้น้อมนำพระราชปณิธานขององค์จอมทัพไทย
มาปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย เพื่อให้ปลอดจากความขาดแคลนหรือความต้องการ
(Freedom From Want)
นอกจากนี้ กองทัพบก ยังได้ช่วยเหลือประชาชนให้พ้นทุกข์และปลอดจากความกลัว (Freedom
From Fear) จากภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ
ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมของโลก
ซึ่งการดำเนินการที่ กองทัพบก ได้กระทำมานั้น หากวิเคราะห์ดูจากวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงของมนุษย์ของ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Development Program
:UNDP) ก็จะพบว่าสามารถดำเนินการได้ครบทั้ง 7
ประการ ซึ่งนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการสร้างให้เกิด ความมั่นคงของมนุษย์ทางกายภาพ
ส่วน
ความมั่นคงของมนุษย์ทางจิตใจ
ในทัศนะของ อมาตยา เซน แล้ว กองทัพบก
ยังได้ดำเนินการพัฒนาจิตสำนึกแห่งความจงรักภักดี ความรัก สามัคคี
ให้เกิดขึ้นในจิตใจของคนไทย เพื่อปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล
และการตกอยู่ในวังวนแห่งความมืดดำของอวิชชาหรือความหลงผิด โดยจัดทำโครงการต่างๆ
ที่มุ่งให้สังคมไทยมีสำนึกและส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษาสถาบันหลักของชาติ
ซึ่งถือเป็นบทบาทและหน้าที่ของประชาชนทั่วประเทศ ในฐานะการเป็นพลเมืองไทยที่พึงปฏิบัติต่อบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
จึงอาจกล่าวได้ว่า
กองทัพบก ได้ขยายบทบาทและหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ
ไปสู่การรักษาความมั่นคงของมนุษย์อย่างเป็นองค์รวม (Holistic Human
Security) ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดย ปลูกต้นไม้แห่งการพัฒนา
ให้กับประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้บริโภคและใช้สอย รวมทั้งยังได้ ปลูกต้นไม้แห่งความจงรักภักดี
ให้เกิดขึ้นในจิตใจของปวงชนชาวไทย เพื่อเตรียมความพร้อมของประชาชนให้มีศักยภาพในการร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ
ให้ก้าวไปสู่การเป็น ประเทศพัฒนา อย่างมีความสมดุลและยั่งยืน
ตามคติยึดมั่นของกองทัพบกที่ว่า “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน”
กรอบแนวคิดความมั่นคงของมนุษย์.
http://www.ryt9.com/s/cabt/27187.
Ronald F. Inglehart Pippa. Norris. (2011). The Four Horsemen of the Apocalypse : Understanding Human
Security Faculty Research
Working Paper Series. Harvard Kennedy School. (October
2011).